2554-06-28

กรุงไทยเปิดรับสมัครเยาวชนเข้าร่วมประกวดใน 2 โครงการใหญ่

เนื้อหา
    ธนาคารกรุงไทยจุดประกายให้เยาวชนไทยได้ค้นพบศักยภาพของตนเอง และปลูกฝังการประกอบธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ผ่านโครงการกรุงไทยยุววาณิช ต่อเนื่องเป็นปีที่ 10   และ โครงการกรุงไทยต้นกล้าสีขาว เป็นปีที่    5   โดยเปิดรับสมัครเยาวชนเข้าร่วมโครงการ   13 มิถุนายน - 30 กรกฎาคมนี้ 
            รอ. นพ.คัคนันต์ กีรติสุนทร ร.น. ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส สายงานทรัพยากรบุคคลและบรรษัทภิบาล ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารยังคงเดินหน้าสร้างทุนทางปัญญาผ่านโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะ 2 โครงการใหญ่ ได้แก่ โครงการกรุงไทย ยุววาณิช และ โครงการกรุงไทย ต้นกล้าสีขาว ซึ่งธนาคารเปิดรับเยาวชนเข้าร่วมโครงการพร้อมกัน ระหว่างวันที่ 13 มิถุนายน จนถึง 30 กรกฎาคมนี้ ผ่านทางเว็บไซต์ และทางโทรสารของธนาคาร   โครงการกรุงไทย ยุววาณิช เป็นโครงการที่จุดประกายให้นักเรียนในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ ได้ค้นหาความชอบและแสดงออกถึงความสามารถในเชิงธุรกิจ ทำให้ 9 ปีที่ผ่านมา มีนักเรียนจากสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการกว่า 100,000 คน ซึ่งผู้ชนะการประกวดจะได้รับทุนการศึกษา พร้อมศึกษาดูงานต่างประเทศ รวมมูลค่า 2,960,000 บาท สำหรับ โครงการกรุงไทย ต้นกล้าสีขาว เป็นโครงการที่มุ่งปลูกฝังให้นิสิต นักศึกษาในระดับอุดมศึกษา มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับแนวคิดในการดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงและการจัดการที่ยั่งยืน โดย 4 ปีที่ผ่านมา มีนิสิต นักศึกษา และคณาจารย์จากสถาบันต่างๆ ทั่วประเทศ เข้าร่วมโครงการกว่า 10,000 คน สามารถนำความรู้จากการเข้าร่วมโครงการไปบูรณาการเพื่อพัฒนาองค์กรหรือชุมชนได้อีกกว่า 200 ชุมชน รอ. นพ.คัคนันต์ กีรติสุนทร ร.น. กล่าวต่อไปว่า สำหรับปีนี้ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้คัดเลือกโครงการกรุงไทย ต้นกล้าสีขาว เข้าร่วมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยใช้ชื่อโครงการใหม่ว่า โครงการกรุงไทย ต้นกล้าสีขาว เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยผู้ชนะการประกวดจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ศึกษาดูงานต่างประเทศ ดูงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมทุนการศึกษา รวมมูลค่า 1,550,000 บาท
             ทั้งนี้ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายเสริมสร้างทุนทางปัญญาและกิจกรรมเพื่อสังคม โทร.0-2208-8674-6 หรือดูรายละเอียดที่ http://www.youngenterprise.ktb.co.th และ http://www.bizethics.ktb.co.th
ฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์
โทร.0-2208-4174-7
                                                                                                                                                                                   อ้างอิงมาจาก
เว็บไซค์ข่าว  กรุงเทพธุรกิจ
วันอังคารที่ 14 มิถุนายน 2554

วิเคราะห์ข่าว
             ฝ่ายอำนวยการอาวุธโสของธนาคารกรุงไทยได้จัดโครงการใหญ่  2 โครงการ ได้แก่   โครงการกรุงไทยยุววาณิช เป็นปีที่ 10 และโครงการกรุงไทย ต้นกล้าสีขาวเป็นปีที่ 5  โดยจุดมุ่งหมายในการจัดโครงการนี้เพื่อช่วยให้นักเรียน  นิศิต    และนักศึกษาค้นพบศักยภาพในการกล้าแสดงออกในการดำเนินธุรกิจ   การเรียนรู้การทำธุรกิจร่วมถึงการปลูกฝังให้นักเรียน  นิศิต  และนักศึกษาดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบมีจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ เข้าใจถึงหลักเศรษฐกิจพอเเพียงเพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินธุรกิจ  โครงการกรุงไทยยุววาณิชเป็นการความสารถเชิงธุรกิจ ส่วนโครงการต้นกล้าสีข่าวสำหรับปีนี้ สำนักนายกรัฐมนตรี ได้คัดเลือกโครงการกรุงไทยต้นกล้าสีขาว เข้าร่วมงานเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยใช้ชื่อโครงการใหม่ว่า โครงการกรุงไทย ต้นกล้าสีขาว เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 โดยผู้ชนะการประกวดจะได้รับถ้วยรางวัลพระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ศึกษาดูงานต่างประเทศ ดูงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ พร้อมทุนการศึกษา โดยจะเปิดรับสมัครเยาวชนเข้าร่วมโครงการ 13 มิถุนายน - 30 กรกฎาคมนี้     หากสนใจดูรายละเอียดที่ http://www.youngenterprise.ktb.co.th และ http://www.bizethics.ktb.co.th

    

“ชำระหนี้ กยศ. ลุ้นรางวัลสุดฮิพ”

เนื้อหา

กยศ. แจ้งเตือนผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระหนี้ให้รีบติดต่อชำระหนี้ก่อน 5 กรกฎาคมนี้ เพื่อป้องกันการเสียเบี้ยปรับ และหากชำระก่อน 26 มิถุนายน มีสิทธิ์ลุ้นรับของรางวัลสุดฮิพมากมายจากธนาคารกรุงไทย
รศ. นพ. ธาดา มาร์ติน ผู้จัดการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ มีนักเรียน นักศึกษาผู้กู้ยืมกองทุนฯ จำนวนประมาณ 3.7 ล้านราย มีผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระหนี้ กยศ. ซึ่งเป็นผู้ที่สำเร็จหรือเลิกการศึกษาแล้วตั้งแต่ปี 25 42-2552 ประมาณ 2.7 ล้านราย ธนาคารกรุงไทยได้ส่งจดหมายแจ้งหนี้ให้แก่ผู้กู้ยืมที่ต้องเริ่มชำระหนี้งวดแรกก่อนวันที่ 5 กรกฎาคมนี้แล้ว จำนวน 435,559 ราย แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ได้แก่ ผู้กู้ กยศ. 177,673 ราย และผู้กู้ กรอ. 257,886 ราย ทั้งนี้ผู้กู้ยืมกองทุนเงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาที่ผูกกับรายได้ในอนาคต (กรอ.) จะต้องเริ่มผ่อนชำระหนี้ปีนี้เป็นปีแรกโดยใช้เงื่อนไขหลักเกณฑ์เดียวกับ กยศ. โดยติดต่อชำระหนี้ได้ที่ธนาคารกรุงไทยทุกสาขา ก่อนวันที่ 5 กรกฎาคมของทุกปี คิดดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 1 ต่อปีของเงินที่ต้องชำระในงวดนั้นๆ หากผู้กู้ยืมที่ชำระหนี้หลังวันครบกำหนด ต้องเสียเบี้ยปรับร้อยละ 12-18 ต่อปี
รศ. นพ. ธาดา เปิดเผยด้วยว่า กยศ. ยังได้ร่วมกับบมจ. ธนาคารกรุงไทย จัด โครงการรณรงค์การชำระหนี้คืน กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษาเพื่อเป็นการจูงใจให้ผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระหนี้มาติดต่อชำระเงินคืน และมีโอกาสได้ลุ้นรางวัลรวมมูลค่า 300,000 บาท จำนวน 25 รางวัล อาทิเช่น คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค, iPad 2, iPod, iPhone 4, BlackBerry กล้องถ่ายรูป โทรศัพท์มือถือ เครื่อง Talking Dict และเครื่อง DVD พกพา เป็นต้น เงื่อนไขการร่วมโครงการชำระหนี้คืนดังกล่าว คือ ผู้กู้ยืมเงินจะต้องมาชำระหนี้คืนกองทุนฯ ตั้งแต่วันที่ 18 พฤษภาคม - 26 มิถุนายน 2554 ผ่านช่องทางต่างๆ ของธนาคารกรุงไทย ได้แก่ หน้าเคาน์เตอร์ธนาคาร เครื่องฝากถอนเงินอัตโนมัติ (ATM/ADM) อินเทอร์เน็ต KTB Online (www.ktb.co.th) และทางโทรศัพท์มือถือ โดยจะจับสลากชิงรางวัลที่ บมจ.ธนาคารกรุงไทย สำนักนานาเหนือ ในวันที่ 2 2 กรกฎาคม 2554 และประกาศผลการจับรางวัลในวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 ทางเวบไซต์ www.studenloan.ktb.co.th, www.studentloan.or.th, www.mua.go.th, www.moe.go.th, www.prd.go.th สอบถามเพิ่ มเติมโทร 02-2088699 หรือ 02-6104888
                                                                                                                                                                  อ้างอิงมาจาก

วันจันทร์ที่ ๑๓ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕

วิเคราะห์ข่าว
           ธนาคารกรุงไทยร่วมกับ กยศ. จัดโครงการรณรงค์การชำระหนี้คืน กยศ. ให้สิทธิ์เยาวชนที่ชำระหนี้ก่อนวันที่ 5 ก.ค.นี้ ได้ลุ้นรางวัล มูลค่ารวม 3 แสนบาท ชี้ส่งเสริมเยาวชนมีวินัย และเพิ่มเงินหมุนเวียนให้รุ่นน้องได้กู้เรียน  ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จัดโครงการรณรงค์การชำระหนี้คืน กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา ก่อนวันที่ 5 ก.ค. 54 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 โดยผู้กู้ยืมเงินที่ครบกำหนดชำระหนี้ ตั้งแต่ปี 2542 - 2554 และผู้กู้ที่ยังไม่ครบกำหนดแต่ประสงค์จะชำระหนี้ มีสิทธิ์ลุ้นรับรางวัล จำนวน 25 รางวัล รวมมูลค่า 300,000 บาท ทั้งนี้ เพื่อสร้างจิตสำนึกที่ดีและรณรงค์ให้เยาวชนมีวินัยในการชำระหนี้ ช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนให้รุ่นน้องมีโอกาสกู้เรียน ซึ่งในปีนี้ มีผู้กู้ยืมที่ครบกำหนดชำระหนี้กว่า 2 ล้านรายทั่วประเทศ ดยธนาคารได้เพิ่มความสะดวกสบายในการชำระหนี้มีช่องทางให้เลือกถึง 4 ช่องทาง ได้แก่ เคาน์เตอร์ สาขา เครื่อง ATM และเครื่อง ADM  ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ตทางบริการKTB Online รวมทั้งผ่านโทรศัพท์มือถือทางบริการ KTB Online @ mobile

กรุงไทยลดค่าธรรมเนียมโอนเงินไปต่างประเทศ

เนื้อหา   
    ธนาคารกรุงไทยช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานไปเรียนต่างประเทศ ลดค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 6 สกุล ทั้งเงินปอนด์ ดอลลาร์ สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย แคนาดา นิวซีแลนด์ และ ฟรังก์สวิส โดยคิดค่าธรรมเนียมต่ำสุดในระบบ พร้อมรับคูปองลุ้นเบนซ์สปอร์ต และทองคำ ถึง 30 กันยายนนี้
นายวินิจ แสงอรุณ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงานปฏิบัติการ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า ธนาคารได้จัดแคมเปญ KTB Outward Remittance for Study Abroad สมนาคุณและลดภาระค่าใช้จ่ายในการโอนเงินไปต่างประเทศ เพื่อการศึกษาของบุตรหลาน โดยลดอัตราค่าธรรมเนียมในการโอนเงิน 6 สกุลหลักผ่านระบบ SWIFT แบบ Charge Our ประกอบด้วย สกุลเงิน USD สหรัฐอเมริกา สกุลเงิน AUD ออสเตรเลีย สกุลเงิน CAD แคนาดา สกุลเงิน CHF สวิตเซอร์แลนด์ และสกุลเงิน NZD นิวซีแลนด์ ลดค่าธรรมเนียมจาก 1,200 บาท เหลือ 990 บาท สกุลเงิน GBP สหราชอาณาจักร ลดค่าธรรมเนียมจาก 1,600 บาท เหลือ 1,390 บาท ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่ถูกที่สุดในระบบ
ลูกค้าสามารถใช้บริการได้ที่ทุกสาขากว่า 970 แห่งทั่วประเทศ ถึงวันที่ 30 กันยายน 2554 และ ลูกค้าจะได้รับคูปองชิงโชค จำนวน 4 ใบ ต่อการโอน 1 ครั้ง เพื่อร่วมลุ้นรับรางวัลในแคมเปญ KTB Thank you Festival ลุ้นเบนซ์สปอร์ต ลุ้นทองคำง่ายๆ รวมมูลค่ากว่า 5.7 ล้านบาท ได้แก่ รางวัลที่ 1 รถยนต์ Mercedes Benz รุ่น E250 CGI Blue Efficiency Elegance Coupe รางวัลที่ 2 ทองคำแท่ง มูลค่า 100,000 บาท 5 รางวัล และรางวัลที่ 3 สร้อยคอทองคำ มูลค่า 10,000 บาท 50 รางวัล
                                                                                                                                               อ้างอิงมาจาก
วันจันทร์ที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๔
วิเคราะห์ข่าว
                ธนาคารกรุงไทยได้จัดแคมเปญ KTB Outward Remittance for Study Abroad เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายผู้ปกครองที่ส่งบุตรหลานไปเรียนต่างประเทศ โดยลดค่าธรรมเนียมการโอนเงิน 6 สกุลหลัก ผ่านระบบ SWIFT แบบ Charge Our ประกอบด้วย สกุลเงิน USD สหรัฐอเมริกา สกุลเงิน AUD ออสเตรเลีย สกุลเงิน CAD แคนาดา สกุลเงิน CHF สวิตเซอร์แลนด์ และสกุลเงิน NZD นิวซีแลนด์ ลดค่าธรรมเนียมจาก 1,200 บาท เหลือ 990 บาท สกุลเงิน GBP สหราชอาณาจักร ลดค่าธรรมเนียมจาก 1,600 บาท เหลือ 1,390 บาท ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่ถูกที่สุดในระบบ

บัตรเครดิตกรุงไทยจัดหนักเพิ่มสิทธิประโยชน์เอื้อลูกค้า

เนื้อหา
             “เคทีซี” ยังคงจุดยืนจับลูกค้ากระเป๋าหนักรายได้ 4 หมื่นอัพ ด้วยกลยุทธ์ตอกย้ำสิทธิประโยชน์เพียบ เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมมากขึ้นที่มีอยู่กว่า 1.7 ล้านใบผ่านความร่วมมือกับไทยแอนด์ลาว อินเทอร์เนชั่นแนลช เอสโอเอส ที่ปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 20 %
                นายวรวุฒิ นิสภกุลธร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจบัตรเครดิต บริษัทกรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ เคทีซี  เปิดเผยว่า การทำตลาดบัตรเครดิตบริษัทนับจากนี้ จะเปลี่ยนจากการแข่งเพิ่มสิทธิประโยชน์ด้านการลด แลก แจก แถม ในการแย่งฐานลูกค้ากับตลาดมาเป็นการสร้างมูลค่าเพิ่มด้านสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ถือบัตรเครดิต  เพื่อรักษาฐานลูกค้าเดิมมากขึ้น  โดยปัจจุบันฐานลูกค้าบัตรเครดิตของบริษัทมีทั้งสิ้น 1.7 ล้านใบ แบ่งเป็นลูกค้าแพลตินัม 450000 ใบ ลูกค้าอินฟินิทและเวิลด์ มาสเตอร์การ์ด 2500 ใบ และที่เหลือเป็นลูกค้าแพลตินัม
                ทั้งนี้  ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาบริษัทได้จับมือกับบริษัทไทยแอนด์ลาว อินเทอร์เนชั่นแนลช เอสโอเอสฯ เพื่อให้บริการเสริมด้านการประสานงานให้ความช่วยเหลือทางด้านการแพทย์ การดูแลรักษาพยาบาล สวัสดิภาพความมั่นคงและความปลอดภัยและงานบริการลูกค้าสัมพันธ์แก่ลูกค้าแพลตินัมและลูกค้าบัตรเครดิตระดับบนอื่นๆ ที่มีระดับรายได้ 40000 บาทต่อเดือนขึ้นไป แต่ส่วนใหญ่ 99% ของลูกค้าจะได้ค่อยทราบสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมที่ตนพึงจะได้รับ
                “ที่ผ่านมาการแข่งขันในตลาดจะเปรียบเสมือนสงครามดอกจัน ให้สิทธิประโยชน์ด้านการลด แลก แจก แถม แต่จะมีเงื่อนไขค่อนข้างมาก ซึ่งนั่นทำให้ภาพรวมธุรกิจถูกมองเป็นแค่การขายโปรโมชั่น ทั้งที่แท้จริงแล้วเป็นการสร้างความสะดวกปลอดภัย และอุ่นใจให้กับลูกค้า แต่ลูกค้า 99% จะไม่ค่อยรู้ว่าตนมีสิทธิประโยชน์ดังกล่าว โดยปัจจุบันลูกค้าไทเทเนียมของบริษัทจะได้รับบริการเสริมด้านการประกันภัยในวงเงินทุนประกัน 4 ล้านบาท ขณะที่ลูกค้าระดับแพลทินัมขึ้นไปจะได้รับวงเงินทุนประกันเพิ่มเป็น 8 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากเราทำตลาดมากขึ้นเชื่อว่าจะสามารถเพิ่มฐานบัตรเครดิตระดับบน โดยปัจจุบันบริษัทต้องใช้งบประมาณไม่น้อยกว่าปีละ 30 ล้านบาท เพื่อซื้อบริการเสริมจากเอสโอเอสให้กับลูกค้า”
                อย่างไรก็ตาม สำหรับบริการหลักที่ลูกค้าของบริษัทที่จะได้รับจากเอสโอเอสได้แก่
1.             การบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ทั้งในประเทศและการเดินทางต่างประเทศทั่วโลก เช่น การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับภูมิลำเนาหรือจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งหากเจ็บปวดอยู่ในภาวะวิกฤติ เป็นต้น
2.             การบริการช่วยเหลือด้านการเดินทางต่างประเทศทั่วโลก 24  ชั่วโมง เช่นการทำวีซ่า รายงานสภาพภูมิอากาศ สถานทูต เป็นต้น
3.             การบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนภายในประเทศ เช่น การบริการยกฉุกเฉิน ซ่อมฉุกเฉิน เติมน้ำมันฉุกเฉินภายในประเทศการบรการให้เช่ารถ เป็นต้น
4.             การบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้าน เช่น ช่างกุญแจ ช่างประปา ช่างไฟฟ้า จำกัดแมลง เป็นต้น
5.             บริการผู้ช่วยส่วนบุคคล เช่น บริการด้านธุรกิจ การจอง สนามกอล์ฟ โรงแรม เป็นต้น
               
ด้านนายพิพัฒน์  คณานุวัฒน์  กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยแอนด์ลาว อินเทอร์เนชั่นแนลช เอสโอเอสฯ กล่าวว่า หากลูกค้าไม่เป็นลูกค้าของเคทีซีจะต้องเสีค่าใช้จ่ายมากกว่า 13000 บาทต่อคนต่อปี ซึ่งบริษัทจะมีพนักงาน 160 คน เพื่อให้บริการลูกค้า โดยปีนี้ตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ 20% หรือมูลค่า 1200 ล้านบาท เติบโตจากสิ้นปีก่อนที่ทำได้ 1000 ล้านบาท ขณะทีกำไรยังเป็นตัวเลจ 1 ดิจิต
                                                                                                                                           อ้างอิงมาจาก
                                                                                                                                      หนังสือพิมพ์ ฐานเศรษฐกิจ
 วันที่ 23-25 มิถุนายน พ.ศ. 2554 
วิเคราะห์ข่าว
                การทำตลาดบัตรเครดิตของบริษัทต่างๆ จะมีการเปลี่ยนสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ ทั้งการลด แลก แจก แถม และเป็นการแย่งฐานลูกค้ากับตลาดเพื่อเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับผู้ถือบัตรเครดิต  ซึ่งนั้นทำให้ภาพรวมถูกมองเป็นการขายเฉพาะ โปรโมชั่น  แต่แท้จริงแล้วเป็นการสร้างความสะดวกและปลอดภัยให้กับลูกค้า  โดยจะมีการให้บริการหลักในด้านต่างๆ เช่น การบริการช่วยเหลือฉุกเฉินทางการแพทย์ทั้งในประเทศและต่างประเทศ    การบริการช่วยเหลือด้านการเดินทางต่างประเทศทั่วโลก 24 ชั่วโมง   การบริการช่วยเหลือฉุกเฉินบนท้องถนนภายในประเทศ การบริการให้ความช่วยเหลือฉุกเฉินภายในบ้าน บริการผู้ช่วยส่วนบุคคล ฯลฯ การให้บริการเหล่านี้จะเป็นการให้บริการที่เอื้อประโยชน์แก่ลูกค้าทั้งสิ้น
               



บลจ.กรุงไทยกองทุนตราสารหนี้ใน-ต่างประเทศ

เนื้อหา
               
บลจ.กรุงไทยเปิด 2 ทางเลือกลงทุนตราสารหนี้ ทั้งใน-ตปท. ชูผลตอบแทน 3.10% ต่อปี ระหว่าง 15-21 มิ.ย.นี้
      นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ  บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน  กรุงไทย จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า    บริษัทเตรียมเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 8 (KTSUPB8)  ในวันที่ 15 - 21 มิถุนายน  2554   อายุโครงการ  6 เดือน  โดยกองทุนจะลงทุนในเงินฝากหรือตราสารการเงินธนาคารต่างประเทศทั้งสกุล CNY และสกุล USD ซึ่งได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ A - ขึ้นไป เช่น  Bank of China (A1/P1/Stable โดย Moody)  Wing Lung Bank (A2/P1/Stable โดย Moody)  Industrial and Commercial Bank of China (A1/P1/Stable โดย Moody) ประมาณ 70 % ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นของสถาบันการเงินและบริษัทเอกชนในประเทศ  อันดับเครดิตตั้งแต่ BBB ขึ้นไป    ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.10%   ต่อปี
             กองทุนนี้เหมาะกับผู้ลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น   และต้องการผลตอบแทนเพิ่มขึ้น ซึ่งตราสารเป้าหมายจะให้ส่วนต่างผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน  ทั้งนี้ กองทุนจะรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติเมื่อครบกำหนดอายุกองทุน   โดยจะสับเปลี่ยนไปยังกองทุนตลาดเงิน  และสำหรับเงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
                นอกจากนี้  บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท  อินเวส 3เดือน 3  ( KTSIV3M3 )  เสนอขายในวันที่ 13-17 มิถุนายน 2554   อายูโครงการ 3 เดือน   เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในตราสารหนี้ภาคเอกชน    เงินฝาก  และตราสารหนี้สถาบันการเงิน     กองทุนจะเน้นลงทุนใน พันธบัตรภาครัฐในประเทศ  10%   เงินฝากธนาคารทิสโก้  และไอซีบีซี  36 %     หุ้นกู้ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด 24%       และ  ตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+  ขึ้นไป  30%   ของมูล่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน    ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 2.70%  ต่อปี
                                                                                                                                 อ้างอิงมาจาก
                                                                                                                                           กรุงเทพธุรกิจออนไลน์  
                                                                                               24/06/2554


วิเคราะห์ข่าว
                อัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศมีความผันผวน โดยเป็นผลจากการอัตราแลกเปลี่ยนที่แกว่งตัว โดยเฉพาะค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ ที่อ่อนค่าลงตามตัวชี้วัดเศรษฐกิจที่ยังอ่อนแอจึงส่งผลให้ค่าเงินสกุลอื่นแกว่งตัวตาม  ในขณะที่ค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าจากกระแสการโอนเงินออกของนักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งในช่วงเดือนที่ผ่านมาปรากฎแรงขายทั้งในตลาดตราสารทุนและตราสารหนี้  โดยสวนทางกับกระแสเงินลงทุนของกองทุนเกาหลีใต้ที่ทยอยครบกำหนดไถ่ถอน  ดังนั้น จึงคาดการณ์  ว่าค่าเงินบาทจะมีความผันผวนในช่วงนี้   ทั้งนี้ การแกว่งตัวของค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ และค่าเงินบาทมีอิทธิพลค่อนข้างสูงต่อค่าดอลล่าร์พรีเมี่ยม และอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลบาท

3 แบงก์รัฐเตรียม1หมื่นล.รีไฟแนนซ์หนี้ส่วนบุคคล

เนื้อหา
                          ตามที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย ได้ดำเนินโครงการลดภาระดอกเบี้ยบัตรเครดิตโดยการออกสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2554 จนถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2554 นั้น พบว่ามีผู้มายื่นขอสินเชื่อกับธนาคารทั้ง 3 แห่ง เป็นจำนวนประมาณ 11,191 ราย วงเงินรวมประมาณ 1,622 ล้านบาท และมีการอนุมัติสินเชื่อแล้วประมาณ 1,626 ราย วงเงิน 180 ล้านบาท โดยได้มีการปรับปรุงเงื่อนไขแนวปฏิบัติของธนาคารที่ร่วมโครงการ เพื่อให้ลูกหนี้บัตรเครดิตที่มีศักยภาพสามารถเข้าร่วมโครงการได้มากขึ้น ซึ่งกระทรวงการคลังได้แถลงข่าวความคืบหน้าดังกล่าวไปเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2554 แล้วนั้น   ทั้งนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มทางเลือกให้ประชาชน โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่มีวินัยทางการเงินดี ได้มีโอกาสในการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคลซึ่งปัจจุบันมียอดสินเชื่อส่วนบุคคลคงค้างจากการกู้ยืมสถาบันการเงินและผู้ประกอบการที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ประมาณ 1,070,000 ล้านบาท ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย จึงร่วมกันจัดทำโครงการรีไฟแนนซ์สินเชื่อส่วนบุคคลของผู้ประกอบการธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-Bank) ให้กับผู้ที่มีประวัติการชำระหนี้ดี วงเงินรวมของทั้ง 3 ธนาคารจำนวน 10,000 ล้านบาท เริ่มโครงการตั้งแต่วันที่ 24 มิถุนายน 2554 จนถึง 30 กันยายน 2554 โดยมีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
1. จะต้องเป็นเงินกู้ส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวกับการเช่าซื้อ/ลิสซิ่งรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์
2. วงเงินไม่เกิน 300,000 บาท และหากผู้ขอสินเชื่อได้ขอสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิตด้วย จะพิจารณาวงเงินร่วมกัน
3. ระยะเวลาผ่อนชำระไม่เกิน 3 ปี
4. อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี
5. ผู้ขอสินเชื่อจะต้องมีสถานะหนี้ปกติตามข้อมูลเครดิตในวันที่ยื่นขอสินเชื่อ และมีประวัติการชำระเงินที่ดีย้อนหลังไป 1 ปี  หากในกรณีที่มีการผิดนัดชำระบ้างในรอบ 1 ปีย้อนหลัง ธนาคารอาจพิจารณาให้กู้โดยมีเงื่อนไขให้มีการค้ำประกันส่วนบุคคล และบุคคลค้ำประกันจะต้องมีสถานะหนี้ปกติตามข้อมูลเครดิต ณ วันที่มายื่นค้ำประกันให้กับผู้กู้
6. อายุผู้ขอสินเชื่อเมื่อรวมกับระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้เกิน 60 ปี ธนาคารอาจพิจารณาให้มีการค้ำประกันส่วนบุคคล

ที่มา  กระแสหุ้น
FRIDAY, 24 JUNE 2011 18:37
วิเคราะห์ ข่าว
ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารออมสิน และธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยได้มีดำเนินโครงการลดภาระดอกเบี้ยบัตรเครดิตโดยการออกสินเชื่อรีไฟแนนซ์บัตรเครดิต ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2554 จนถึงวันที่ 22 มิถุนายน 2554  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อไถ่ถอนหนี้สินเชื่อส่วนบุคคลของผู้ประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลภายใต้การกำกับที่ไม่ใช่สถาบันการเงิน (Non-bank) ได้แก่
- สินเชื่อให้แก่บุคคลธรรมดาโดยไม่ได้ระบุวัตถุประสงค์ หรือมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ได้มาซึ่งสินค้าหรือบริการ และไม่มีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้ในการประกอบธุรกิจ โดยเป็นสินเชื่อที่ไม่มีทรัพย์สินเป็นหลักประกัน
- สินเชื่อที่เกิดจากการให้เช่าซื้อ/ การเช่าซื้อแบบลิซซิ่งในสินค้าที่ผู้ประกอบธุรกิจมิได้จำหน่ายเป็นทางการค้าปกติ โดยยกเว้นสินค้าประเภทรถยนต์และรถจักรยานยนต์
   พบว่ามีผู้มายื่นขอสินเชื่อกับธนาคารทั้ง 3 แห่ง เป็นจำนวนประมาณ 11,191 ราย วงเงินรวมประมาณ 1,622 ล้านบาท และมีการอนุมัติสินเชื่อแล้วประมาณ 1,626 ราย วงเงิน 180 ล้านบาท โดยโครงการลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ส่วนบุคคล มีวงเงินดำเนินโครงการ 10000 ล้านบาท  (ธ.กรุงไทย 4,500 ลบ ธ.ออมสิน 4,500 ลบ. และ ธ.อิสลาม 1,000 ลบ.) โดยจะต้องเป็นเงินกู้ส่วนบุคคลที่ไม่เกี่ยวกับการเช่าซื้อ/ลิสซิ่งรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซค์ วงเงินไม่เกิน 300,000 บาท ผ่อนชำระไม่เกิน 3 ปี โดยมีอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 14 ต่อปี ผู้ขอสินเชื่อจะต้องมีสถานะหนี้ปกติตามข้อมูลเครดิตในวันที่ยื่นขอสินเชื่อและมีประวัติการชำระเงินที่ดีย้อนหลังไป 1 ปีและ อายุผู้ขอสินเชื่อเมื่อรวมกับระยะเวลาการผ่อนชำระหนี้เกิน 60 ปี ธนาคารอาจพิจารณาให้มีการค้ำประกันส่วนบุคคล