2554-07-20

บลจ.กรุงไทยขายตราสารหนี้ 6 เดือนชูผลตอบแทน 3.40%

เนื้อหา
                นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด ( มหาชน ) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน 4 ( KTSIV6M4 ) เสนอขายถึงวันที่ 22 กรกฎาคม 2554 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ , เงินฝาก ธนาคารทิสโก้ , ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB + ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.40% ต่อปี
                ในช่วงสัปดาที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงิน ( กนง.) มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายจาก 3.00% เป็น 3.25% ในส่วนของตลาดตราสารหนี้ระยะสั้น อัตราผลตอบแทนระยะสั้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมารุ่นอายุ 1 เดือน - 1 ปี เคลื่อนไหวในช่วงแคบๆ โดยอยู่ในระดับ 2.89 - 3.58% เนื่องจากได้ปรับขึ้นมาก่อนหน้านี้ตามการคาดการณ์ของตลาด และนักลงทุนต่างประเทศ มีการเข้าซื้อพันธบัตรภาครัฐระยะสั้นอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่ผลการเลือกตั้งที่ถูกประเมินว่าจะทำให้การเมืองไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น รวมถึงนักลงทุนได้มีการปรับพอร์ตมาถือครองพันธบัตรรุ่นอายุต่ำกว่า 1 ปี มากขึ้น จึงทำให้อัตราผลตอบแทนปรับขึ้นเพียงเล็กน้อย

                                                                                                                                        วันที่ 19 กรกฎาคม 2554


                                                                    
วิเคราะห์ ข่าว
                บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด ( มหาชน ) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 6 เดือน 4 ( KTSIV6M4 ) เสนอขายถึงวันที่ 22 กรกฎาคม 2554 อายุโครงการ 6 เดือน เป็นกองทุนที่เน้นลงทุนในพันธบัตรภาครัฐในประเทศ , เงินฝาก ธนาคารทิสโก้ , ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB + ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.40% ต่อปี

KTB ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้

นื้อหา
ธนาคารกรุงไทยประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ 0.125% ต่อปี  เงินฝากประจำระหว่าง 0.125% - 0.25% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.25% ต่อปี  ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2554
ฝ่ายสื่อสารองค์กรและภาพลักษณ์  ธนาคารกรุงไทย แจ้งว่า ตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคมนี้เป็นต้นไป ธนาคารจะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ขึ้น 0.125% ต่อปี เป็นอัตรา 0.875% ต่อปี ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำขึ้นระหว่าง 0.125% - 0.25% ต่อปี โดยเงินฝากประจำประเภท 3 เดือน ปรับขึ้น 0.125% ต่อปี เป็นอัตรา 1.75% - 1.95% ต่อปี เงินฝากประจำประเภท 6 เดือน ปรับขึ้น 0.15% ต่อปี เป็นอัตรา 2.35% ต่อปี   เงินฝากประจำประเภท 12 เดือน ปรับขึ้น 0.20%-0.25% ต่อปี เป็นอัตรา 2.50% - 2.75% ต่อปี
ทางด้านอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธนาคารปรับขึ้นทุกประเภทในอัตรา 0.25% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ปรับขึ้นเป็น 7.125% ต่อปี เงินกู้ MOR ปรับขึ้นเป็นอัตรา 7.375% ต่อปี และเงินกู้ MRR ปรับขึ้นเป็นอัตรา 7.875 % ต่อปี
                                                                                                             
                                                                                                        อ้างอิงมาจาก
                                                                                                         www.ktb.co.th
                                                                                                           วันที่ 19 กรกฎาคม 2554

                                                  

วิเคราะห์ข่าว
ธนาคารกรุงไทยจะปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ขึ้น 0.125% ต่อปี เป็นอัตรา 0.875% ต่อปี ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำขึ้นระหว่าง 0.125% - 0.25% ต่อปี โดยเงินฝากประจำประเภท 3 เดือน ปรับขึ้น 0.125% ต่อปี เป็นอัตรา 1.75% - 1.95% ต่อปี เงินฝากประจำประเภท 6 เดือน ปรับขึ้น 0.15% ต่อปี เป็นอัตรา 2.35% ต่อปี   เงินฝากประจำประเภท 12 เดือน ปรับขึ้น 0.20%-0.25% ต่อปี เป็นอัตรา 2.50% - 2.75% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ ธนาคารจะปรับขึ้นทุกประเภทในอัตรา 0.25% ต่อปี โดยอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MLR ปรับขึ้นเป็น 7.125% ต่อปี เงินกู้ MOR ปรับขึ้นเป็นอัตรา 7.375% ต่อปี และเงินกู้ MRR ปรับขึ้นเป็นอัตรา 7.875 % ต่อปี ทั้งนี้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 กรกฎาคม 2554

2554-07-19

บลจ.กรุงไทยเปิดขายกองทุนตราสารหนี้ 6 เดือน - พันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ เพิ่มทางเลือกผู้ลงทุน รับดอกเบี้ยขาขึ้น


 เนื้อหา

นายสมชัย  บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เผิดเผยว่า บริษัทเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี12 ( KTSUPB12 ) เสนอขาย 12-19 กรกฎาคม 2554 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้นธนาคารพาณิชย์ไทย ตราสารภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ตั๋วเงินคลัง /พันธบัตรรัฐบาล ในสัดส่วน 75%ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ Union National Bank ( UAE ) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี กองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น และส่วนต่างของผลตอบแทนที่ค่อนข้างจูงใจเมื่อเทียบกับการลงทุนเฉพาะพันธบัตรรัฐบาลไทย หรือเงินฝากระยะเดียวกัน เงินลงทุนในต่างประเทศจะมีการทำสัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน
                นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ในช่วงระหว่างการเปิดจำหน่าย กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน  ( KTSIV3M1 ) เสนอขายถึงวันที่ 14 กรกฎาคม 2554 อายุโครงการ 3 เดือน เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกู้ระยะสั้นธนาคารดอยซ์แบงก์ เงินฝากธนาคารนครหลวงไทย ธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ และตั๋วแลกเงินของภาคเอกชนที่มีอันดับเครดิตตั้งแต่ BBB+ ขึ้นไป ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.00%ต่อปี สัญญาป้องกันความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนทั้งจำนวน  ผลพวงจากการเลือกตั้งทั่วไปของไทยที่ผ่านไปด้วยความสงบเรียบร้อยค่อนข้างมีอิทธิพลต่อภาวะตลาดการเงินของไทยอย่างมาก โดยได้สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างประเทศทำให้มีกระแสเงินทุนไหลเข้าทั้งในตลาดตราสารหนี้และตราสารทุน โดยเฉพาะในตราสารระยะสั้นไม่เกิน 1 ปี จึงทำให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรในระยะสั้นแกว่งตัว แม้ว่าในสัปดาห์นี้ตลาดการเงินส่วนใหญ่จะคาดการณ์ว่า กนง. จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายต่อเนื่องอีก 0.25% จากระดับปัจจุบันที่อยู่ในอัตรา 3.00% รวมถึงภาวะการแข่งขันระดมเงินของสถาบันการเงินในประเทศในรูปของตั๋วแลกเงินที่เสนออัตราดอกเบี้ยที่ค่อนข้างจูงใจ
                ในส่วนของภาวะการลงทุนในต่างประเทศตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีความผันผวนพอสมควรตามการแกว่งตัวของอัตราแลกเปลี่ยน แต่สำหรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารต่างประเทศเมื่อแปลงกลับเป็นสกุลเงินบาทมีทิศทางที่ดีขึ้น เนื่องจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินบาทและดอลล่าร์สหรัฐฯ ขยายตัวกว้างขึ้น ทำให้ได้รับดอลลาร์พรีเมี่ยมเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลบวกต่อการลงทุนในต่างประเทศที่มีการทำสัญญาสวอปอัตราแลกเปลี่ยนเพื่อปิดความเสี่ยงดังกล่าว
                นายสมชัย กล่าวว่า บริษัทได้เปิดอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ลงทุนในที่ต้องการลงทุนระยะยาว และได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี ซึ่งขณะนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยพันธบัตรรัฐบาลชดเชยเงินเฟ้อ ( KTILB ) ถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2554 อายุ 10 ปี มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลชดเชยเงินเฟ้อ ( ILB ) ไม่น้อยกว่าร้อยละ 80 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน ส่วนที่เหลือจะลงทุนในหรือมีไว้ซึ่งเงินฝาก ตราสารแห่งหนี้ ตราสารการเงินอื่น ตามที่สำนักงานก.ล.ต.กำหนด
                โดยคาดว่าผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทน จากผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลชดเชยเงินเฟ้อ ( ILB ) ประมาณ 1.20% ต่อปี บวกกับอัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่ได้จาก ILB และอัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี จะสะสมอยู่ในกองทุน ซึ่งกองทุนมีนโยบายจ่ายผลตอบแทนคืนให้กับผู้ลงทุนในทุก 6 เดือน โดยจะจ่ายคืนในส่วนของอัตราดอกเบี้ยของ ILB เท่านั้น หลังหักค่าใช้จ่ายจากกองทุน ทั้งนี้ บุคคลธรรมดาไม่เสียภาษี หัก ณ ที่จ่าย
                จุดเด่นของกองทุนนี้ เป็นสินทรัพย์ทางเลือกสำหรับการลงทุนระยะยาวที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ กองทุนนี้จะรักษาเงินต้นและผลตอบแทนของผู้ลงทุนตามที่ได้กำหนดไว้ และคาดว่ากองทุนจะสร้างผลตอบแทนสุทธิได้สูงกว่าผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากการลงทุนเองโดยตรง นอกจากนี้ จะเปิดให้ผู้ลงทุนที่ต้องการสภาพคล่อง สามารถขายคืนหน่วยลงทุนได้ หลังจากครบ 2 ปีแรก ซึ่งบริษัทจะแจ้งวันและเวลาในการขายคืนหน่วยลงทุน ให้ผู้ถือหน่วยลงทุนทราบไม่น้อยกว่า 7 วัน
                                                                                                                              
  
                                                                                                                                                                 อ้างอิงมาจาก
                                                                                                                                                         กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
                                                                                                                                                ฉบับวันอังคาร ที่ 12 กรกฎาคม 2554

วิเคราะห์ข่าว
                บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) โดย นายสมชัย บุญนำศิริ กรรมการผู้จัดการ ได้เปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยธนทรัพย์ บี 12 อายุโครงการ 6 เดือน มูลค่า 3,000 ล้านบาท เป็นกองทุนที่ลงทุนในตราสารการเงินระยะสั้น ส่วนที่เหลือลงทุนในเงินฝากประจำ Union National Bank ( UAE ) ผู้ลงทุนจะได้รับผลตอบแทนประมาณ 3.25% ต่อปี ซึ่งกองทุนนี้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น
                  นอกจากนี้บริษัทได้เปิดอีกหนึ่งทางเลือก สำหรับผู้ลงทุนในที่ต้องการลงทุนระยะยาว และได้รับผลตอบแทนที่สูงกว่าอัตราเงินเฟ้อในแต่ละปี ซึ่งบริษัทอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทยพันธบัตรรัฐบาลชดเชยเงินเฟ้อ ( KTILB ) ถึงวันที่ 18 กรกฎาคม 2554 อายุ 10 ปี มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท เป็นกองทุนที่มีนโยบายลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลชดเชยเงินเฟ้อ จุดเด่นของกองทุนนี้ เป็นสินทรัพย์ทางเลือกสำหรับการลงทุนระยะยาวที่มีความเสี่ยงด้านเครดิตต่ำ กองทุนนี้จะรักษาเงินต้นและผลตอบแทนของผู้ลงทุนตามที่ได้กำหนดไว้ และคาดว่ากองทุนจะสร้างผลตอบแทนสุทธิได้สูงกว่าผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนจะได้รับจากการลงทุนเองโดยตรง

2554-07-18

ขึ้นค่าแรงกระทบต้นทุนพุ่ง แบงก์จ่อรื้อเกณฑ์สินเชื่อเอสเอ็มอี

เนื้อหา
 นายเวทย์ นุชเจริญ รองกรรมการผู้จัดการสายงานธุรกิจขนาดกลาง ธนาคารกรุงไทยยอมรับว่ามาตรการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวันนั้นกระทบกับธุรกิจเอสเอ็มอีมากที่สุด โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอีที่ยังไม่มีความแข็งแรง ซึ่งหากจะนำมาใช้ก็ควรมีมาตรการเพิ่มเติม หรือใช้วิธีการที่ยืดหยุ่นให้เอสเอ็มอีสามารถปรับตัวได้ มากกว่าการปรับขึ้นเป็นการทั่วไปทั้งประเทศ
ธนาคารก็อาจจะต้องทบทวนระดับความเสี่ยงของลูกค้ารวมถึง กระบวนการพิจารณาสินเชื่อใหม่ด้วย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมาก กลุ่มที่กระทบเยอะคือกลุ่มที่ใช้แรงงานฝีมือมากๆ เช่น อิเล็กทรอนิกส์          หรืออุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานมากๆ
  มาตรการการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน ธนาคารกรุงไทยยอมรับว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจ            เอสเอ็มอี โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอีที่ยังไม่มีความแข็งแรง ซึ่งถ้าหากมีการบังคับใช้จริงก็ควรมีมาตรการเพิ่มเติม         หรือใช้วิธีการที่ยืดหยุ่นให้เอสเอ็มอีสามารถปรับตัวได้ มากกว่าการปรับขึ้นเป็นการทั่วไปทั้งประเทศ ธนาคารต้องทบทวนระดับความเสี่ยงของลูกค้ารวมถึง กระบวนการพิจารณาสินเชื่อใหม่ด้วย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมาก กลุ่มที่ กระทบเยอะคือกลุ่มที่ใช้แรงงานฝีมือมากๆ
                                                                                                                                        อ้างอิงมาจาก                
                                                                                                                                หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ
ฉบับวัน จันทร์ ที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2554
dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก       dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก       dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก       dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก


วิเคราะห์ข่าว
มาตรการการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็น 300 บาทต่อวัน ธนาคารกรุงไทยยอมรับว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจเอสเอ็มอี โดยเฉพาะในกลุ่มเอสเอ็มอีที่ยังไม่มีความแข็งแรง ซึ่งถ้าหากมีการบังคับใช้จริงก็ควรมีมาตรการเพิ่มเติม หรือใช้วิธีการที่ยืดหยุ่นให้เอสเอ็มอีสามารถปรับตัวได้ มากกว่าการปรับขึ้นเป็นการทั่วไปทั้งประเทศ ธนาคารต้องทบทวนระดับความเสี่ยงของลูกค้ารวมถึง กระบวนการพิจารณาสินเชื่อใหม่ด้วย โดยเฉพาะอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมาก กลุ่มที่ กระทบเยอะคือกลุ่มที่ใช้แรงงานฝีมือมากๆ

2554-07-17

ธนาคารกรุงไทย ออกตั๋วแลกเงินพิเศษ อายุ 40 วัน

เนื้อหา
            ธนาคารกรุงไทย ออกตั๋วแลกเงินพิเศษ อายุ 40 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.125% ต่อปี และตั๋วแลกเงินพิเศษ อายุ 4 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.30% ต่อปี จำหน่าย 7-29 กรกฎาคมนี้ 
            นางนงนุช เทียนไพฑูรย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส สายงานธุรกิจรายย่อยและเครือข่าย  ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า เพื่อให้ลูกค้าและประชาชนได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ในช่วงอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ธนาคารจึงได้ออกผลิตภัณฑ์ตั๋วแลกเงินที่มีระยะเวลาลงทุนสั้นๆ เพียง 40 วัน และ 4 เดือน ให้ลูกค้าได้เลือกลงทุน ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามีความพร้อมในการรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านอัตราดอกเบี้ย 
          สำหรับตั๋วแลกเงินที่จะออกจำหน่ายในครั้งนี้ แบ่งเป็น KTB-B/E พิเศษ อายุ 40 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.125% ต่อปี ยอดซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท และ KTB-B/E พิเศษ อายุ 4 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.30% ต่อปี ทั้งนี้ ธนาคารจะจ่ายดอกเบี้ยเมื่อครบกำหนด และโอนเงินต้นไปยังบัญชีออมทรัพย์หรือบัญชีกระแสรายวันที่ผู้ซื้อตั๋วแลกเงินได้แจ้งไว้กับธนาคาร โดยธนาคารจะจำหน่ายผ่านทุกสาขาทั่วประเทศกว่า 980 สาขา ในระหว่างวันที่ 7 -29 กรกฎาคมนี้
                                                                                                                                    อ้างอิงมาจาก
                                                                                                                                      http://www.ktb.co.th
                                                                                                                                     ฉบับวันที่   6 กรกฎาคม 2554

dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก

วิเคราะห์ข่าว
     ธนาคารกรุงไทยออกผลิตภัณฑ์ตั๋วแลกเงินที่มีระยะเวลาลงทุนสั้นๆ เพียง 40 วัน และ 4 เดือน ให้ลูกค้าได้เลือก            ลงทุน ซึ่งช่วยให้ลูกค้ามีความพร้อมในการรองรับการเปลี่ยนแปลงด้านอัตราดอกเบี้ย ตั๋วแลกเงินที่จะออกจำหน่าย          ในครั้งนี้ แบ่งเป็น KTB-B/E พิเศษ อายุ 40 วัน อัตราดอกเบี้ย 3.125% ต่อปี ยอดซื้อขั้นต่ำ 1 แสนบาท และ KTB-B/E พิเศษ อายุ 4 เดือน อัตราดอกเบี้ย 3.30% ต่อปี โดยธนาคารจะจำหน่ายผ่านทุกสาขาทั่วประเทศกว่า 980 สาขา                    ในระหว่างวันที่ 7 -29 กรกฎาคมนี้

KTB สนองไลฟ์สไตล์คนกรุง ทำธุรกรรมผ่านออนไลน์

เนื้อหา
ทุกวันนี้ สมาร์ตโฟนกลายเป็นปัจจัยที่ห้าของชีวิตคนเมืองที่ขาดไม่ได้ เรียกว่าวันไหนถ้าลืมมือถือไว้ที่บ้าน ก็แทบจะคิดอะไรไม่ออกทีเดียว นอกจากจะใช้มือถือเพื่อการสื่อสารพูดคุยกันแล้ว การใช้งานทางอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือยังทำได้อย่างง่ายดายเหลือเชื่อ และเพื่อก้าวให้ทันกับกระแสโลกยุคไซเบอร์ ธนาคารชั้นนำของเมืองไทย เช่น ธนาคารกรุงไทย จึงริเริ่มการนำนวัตกรรมทางการเงินมาให้บริการอย่างจริงจัง ภายใต้ชื่อ “KTB Netbank”   ปูทางสู่การเป็นธนาคารแห่งโลกอนาคต ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ทำธุรกรรมด้านการเงินอย่างครบวงจรบนอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นบริการเงินฝาก, โอนเงิน, ชำระเงิน, การลงทุน  และการพูดคุยขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่แบงก์ทางออนไลน์ โดยไม่ต้องเสียเวลาออกนอกบ้านให้เปลืองน้ำมัน งานนี้สองหนุ่มคนดังยุคดิจิตอล คือ วรวิทย์ ศิริพากย์ผู้บริหารแบรนด์ปัญญ์ปุริ และ วราวุธ เลาหพงศ์ชนะ พิธีกรไฮโซของช่อง 3 ช่วยกันคอนเฟิร์มว่าชีวิตสะดวกสบายขึ้นเยอะ     เพราะแค่ดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นของ KTB Netbank ลงบนมือถือ ก็สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างรวดเร็ว     ทันใจ ทุกวันนี้ แม้แต่การเสียค่าน้ำค่าไฟ และค่าโทรศัพท์มือถือทั้งคู่ยังทำผ่านทางออนไลน์เลยค่ะ...เรียกว่าแค่คลิก      เดียวเท่านั้น อะไรๆก็ฉลุย!




                                                                                                                                                               อ้างอิงมาจากมา
http://www.thairath.co.th  
วันที่ 16 กรกฎาคม 2554
                     dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก      dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก       dookdik icon ดุ๊กดิ๊กน่ารัก

วิเคราะห์ข่าว 
สมาร์ตโฟนกลายเป็นปัจจัยที่ห้าของชีวิตคนเมืองที่ขาดไม่ได้ การใช้งานทางอินเตอร์เน็ตผ่านมือถือยังทำได้อย่างง่ายดายเหลือเชื่อ และเพื่อก้าวให้ทันกับกระแสโลกยุคไซเบอร์ ธนาคารชั้นนำของเมืองไทย เช่น ธนาคารกรุงไทย จึงริเริ่มการนำนวัตกรรมทางการเงินมาให้บริการอย่างจริงจัง ภายใต้ชื่อ “KTB Netbank” ปูทางสู่การเป็นธนาคารแห่งโลกอนาคต ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ทำธุรกรรมด้านการเงินอย่างครบวงจรบนอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นบริการเงินฝาก, โอนเงิน, ชำระเงิน, การลงทุน  และการพูดคุยขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่แบงก์ทางออนไลน์ โลูกค้าได้ทำธุรกรรมด้านการเงินอย่างครบวงจรบนอินเตอร์เน็ต ไม่ว่าจะเป็นบริการเงินฝาก, โอนเงิน, ชำระเงิน, การลงทุน  และการพูดคุยขอคำแนะนำจากเจ้าหน้าที่แบงก์ทางออนไลน์